วอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2022 ฟอร์มของนักตบสาวไทยลือลั่นสนั่นปฐพี กำลังเป็นที่จับจ้องของคนทั้งโลก ผลงานจบสนาม 2 ชนะ 4 แพ้ 4 ทำได้ 12 คะแนน อยู่อันดับที่ 8 พร้อมสถิติส่วนตัวของบรรดาดาวรุ่งอีกมากมาย เป็นผลงานภาพรวมอันยอดเยี่ยมที่เรายังไม่เคยทำได้มาก่อนเลย ความสำเร็จมาพร้อมกระแสข่าว จากบรรดาแฟนคลับวอลเลย์บอลส่วนหนึ่ง เรียกร้องให้ “เจ็ดเซียน” คัมแบคกลับมาช่วยทีม เพื่อหวังผลถึงโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กำลังจะมาถึง แน่นอนว่ามีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เริ่มหยุมหัวชุลมุนวุ่นวายไปหมด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยประสบการณ์ของรุ่นพี่แต่ละคน ฝีมือระดับพระกาฬขึ้นหิ้ง เป็นตำนานของวงการวอลเลย์บอลไทยอย่างไม่มีใครค้าน แต่เมื่อมองในมุมรอบด้าน มีเหตุผลมากมายที่เหล่าบรรดา “เจ็ดเซียน” ไม่ควรกลับมาช่วยนักตบสาวไทย เรียกว่ามันยังไม่ใช่จังหวะเวลาที่เหมาะสมเลย
1. มีวันนี้เพราะรุ่นพี่เลิกเล่น
เรารู้กันมานานแล้วล่ะ ว่าวงการวอลเลย์บอลไทย มีดาวรุ่งชั้นดีรอวันแจ้งเกิดมากมาย แต่จนแล้วจนรอดไม่ได้โอกาสสักที มีรายการไหนแฟนคลับเรียกร้อง กดดัน ให้ต้องส่งเจ็ดเซียนไปแข่งขันรายการสำคัญ แม้กระทั่งซีเกมส์ฟิลิปปินส์ 2019 รายการภูมิภาคยังขนไปเต็มอัตราศึก จนถึง VNL 2022 ครั้งนี้แหละ “หลังรุ่นพี่รีไทร์” เราถึงได้เห็นกันเต็มตาว่าเด็ก ๆ มีของดีกันแค่ไหน ถ้ายังไม่เลิกก็คงยังไม่มีวันนี้ ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี ไม่จำเป็นต้องเพิ่มตัวแปรให้มันสะดุด
2. บรรยากาศในสนามจะไม่เหมือนเดิม
สมัยยังเป็นตัวสอดแทรก เห็นได้ชัดว่ารุ่นน้องหลายคนยังมีอาการเกรงใจ ต่างจากดาวรุ่งรวมตัวลงสนามทั้งทีม ทุกคนอยู่ในคลาสเดียวกัน “กล้าตะโกนสั่ง” กล้าพูดกันอย่างตรง ๆ ว่าควรจะเล่นอย่างไร เมื่อทุกคนกล้าพูดกล้าตะโกน บรรยากาศดาวรุ่งเล่นร่วมกันในทีมจึงดีมาก เราเห็นจากกีฬาชนิดอื่น เช่นฟุตบอลกองหน้าเล่นกับรุ่นพี่อีกแบบหนึ่ง ถ้าเล่นกับเด็กด้วยกันจะดูผ่อนคลาย เค้นฟอร์มออกมาดีขึ้น วอลเลย์บอลก็เช่นกัน ไม่อยากเห็นภาพรุ่นน้องยืนรับคำสั่งอย่างเดียว แล้วผลงานไม่ต่างจากอดีต
3. ถึงเวลาเล่นเพื่อสร้างอนาคต
ยังไม่เห็นประโยชน์ที่จะนำนักกีฬาอายุมาก แข่งเสร็จแยกย้ายเลิกเล่นกันหมด สวนทางกับการสร้างทีมแบบสากล ดาวรุ่งแพ้-ชนะ ยังได้สร้างกระดูก มีผลระยะยาวมากกว่านำซูเปอร์สตาร์ “มาสนองความฟินแฟนคลับ” อยากให้เชื่อมั่นเด็กในทีมชุดนี้ ว่าเค้าสามารถสร้างกระแสได้มากกว่าเดิมเสียอีก ดึงแฟนกีฬาชนิดอื่นเพิ่มฐานความนิยม มองผลประโยชน์ระยะยาว ดีกว่าเพื่อสนองความต้องการของคนกลุ่มเดียว ยึดติดกับนักกีฬาที่ตัวเองรัก โดยไม่คำนึงถึงอนาคตในวันข้างหน้าเลย
4. ผลงานเป็นตัวชี้วัด สถิติรุ่นน้องไม่ได้เป็นรอง
เล่นแค่ 2 สนาม (12 คะแนน) ได้แต้มเยอะกว่ารุ่นพี่เล่น 2021 ทั้งปีเสียอีก (6 คะแนน) ได้มา 17 เซต เท่ากับในช่วงพีกของเจ็ดเซียนเล่นครบทุกสนามในปี 2018 , 2019 และยังไม่เคยทำอันดับได้ใกล้เคียงกับการลุ้นเข้ารอบ 8 ทีมเลย ไม่รู้ว่าหากแนวคิดนี้เกิดขึ้นจริง รุ่นน้องกับรุ่นพี่ “ใครจะแบกใคร” หรือใครจะช่วยประคองใคร ถ้านกปีกกล้าขาแข็งบินออกจากรังได้ด้วยตัวเอง ควรปล่อยให้เผชิญโลก ไม่กลับมาซุกใต้ปีกแม่เหมือนเดิม
5. ให้เรามีความทรงจำที่ดีกับตำนาน
จะว่าไปบรรดาเจ็ดเซียนอยู่ของเค้าดี ๆ แต่มีคนชื่นชอบ ไปลากมาให้เกิดดราม่าเอง ภาพจำของฮีโร่อยู่ในฐานะระดับตำนานวอลเลย์บอล เรานึกถึงการเล่นในระดับมาตรฐานสูง “ลงจากหลังเสืออย่างสมบูรณ์แบบ” หากเรารักเค้าจริง ควรรักษาให้อยู่ในฐานะตำนาน ภาพเขียนเสร็จสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มสีในจานลงบนภาพ ปล่อยให้เป็นชิ้นงานระดับมาสเตอร์พีซต่อไปดีกว่าครับ
เราจึงเห็นแฟนวอลเลย์บอลทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ไม่ใช่ว่าคนพวกนั้นไม่รัก ไม่อยากเห็นเจ็ดเซียนกลับมาเล่นนะ แต่เพราะมองภาพรวมของทีม เด็กชุดนี้สามารถไปต่อได้ด้วยตัวเอง ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง แต่ถ้าเอาไปฐานะ “ทีมงานสตาฟ” เป็นพี่เลี้ยงให้กับน้อง ๆ ข้างสนาม ทุกคนสนับสนุนเต็มที่เลย แต่หากจะมีบทบาทมากกว่านั้น ให้ย้อนกลับไปอ่านข้อแรก ก็จะตัดสินใจได้ไม่ยากครับ ข้อเสนอแนะทั้งหมดทั้งปวง เพื่อต่อยอดวงการวอลเลย์บอลไทย ให้เดินหน้าต่อไปสู่ระดับโลก และมั่นใจว่าอนาคตของทีมชุดนี้ จะสร้างอะไรที่เราไม่คาดฝัน ได้อีกมากมายเลยครับ 🇹🇭 🤗 ..
ขอขอบคุณที่มา : trueid